8.ทอมัส เอดิสัน

ทอมัส แอลวา เอดิสัน (อังกฤษ: Thomas Alva Edison) เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย ได้ฉายา "พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก" เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำหลักการของ การผลิตจำนวนมาก และ กระบวนการประดิษฐ์ มาประยุกต์รวมกัน

ทอมัส เอดิสัน
Thomas Edison2.jpg
"Genius is one percent inspiration, ninety-nine percent perspiration."
– Thomas Alva Edison, Harper's Monthly (September 1932)
เกิด
ทอมัส แอลวา เอดิสัน
11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847
ไมเลิน รัฐโอไฮโอ
เสียชีวิต
18 ตุลาคม ค.ศ. 1931 (84 ปี)
เวสต์ออเรนจ์ รัฐนิวเจอร์ซีย์
สัญชาติ
อเมริกัน
การศึกษา
ลาออกจากโรงเรียน
อาชีพ
นักธุรกิจ
ศาสนา
Deist
คู่สมรส
Mary Stilwell (แต่ง ค.ศ. 1871–หย่า ปี 1884)
Mina Miller (แต่ง ค.ศ. 1886–หย่า ปี 1931)
บุตร
Marion Estelle Edison (1873–1965)
Thomas Alva Edison Jr. (1876–1935)
William Leslie Edison (1878–1937)
Madeleine Edison (1888–1979)
Charles Edison (1890–1969)
Theodore Miller Edison (1898–1992)
บิดามารดา
Samuel Ogden Edison, Jr. (1804–1896)
Nancy Matthews Elliott (1810–1871)
ญาติ
Lewis Miller (father-in-law)
ลายมือชื่อ
Thomas Alva Edison Signature.svg
ไฟล์:A day with Thomas A. Edison.webmPlay media
A Day with Thomas Edison (1922)
ทอมัส เอดิสัน มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้คิดค้นหลอดไฟ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นบุคคลแรกที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟจากนักวิทยาศาสตร์กว่า 20 คนที่คิดค้นหลอดไฟ และสามารถนำมาทำเป็นธุรกิจได้ เอดิสันยังคงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก และก่อตั้งอีกหลายบริษัทในด้านไฟฟ้า หนึ่งในบริษัทของเอดิสันยังเป็นผู้คิดค้นเก้าอี้ไฟฟ้าสำหรับประหารชีวิตนักโทษอีกด้วย

เอดิสันยังคงเป็นบุคคลสำคัญในสงครามกระแสไฟฟ้า (War of Currents) โดยเอดิสันพยายามผลักดันระบบไฟฟ้ากระแสตรงของบริษัท แข่งกับระบบไฟฟ้ากระแสสลับของจอร์จ เวสติงเฮาส์ (George Westinghouse) โดยพนักงานในบริษัทของเขาได้โฆษณาชวนเชื่อความอันตรายของไฟฟ้ากระแสสลับโดยการฆ่าหมาแมวเป็นจำนวนหลายตัว

เอดิสันในวัยเด็ก
แก้ไข

เอดิสันในวัยเด็ก

เอดิสันใน ค.ศ. 1877

หลอดไฟรุ่นแรกของโลก ไส้คาร์บอนที่เอดิสันประดิษฐ์เมื่อ ค.ศ. 1879

บ้านเกิดของเอดิสัน
ทอมัส เอดิสัน เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847 เขาเป็นลูกคนที่ 7 และคนสุดท้ายโดยตัวเอดิสันเองมีเชื้อสายดัตช์

ในช่วงที่อยู่ในโรงเรียน เอดิสัน เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ในโบสถ์ มีนักเรียนเพียง 48 คน มีครูเพียงสองคนคือ นายและนางเอ็งเกิล (Engle) แต่ด้วยความที่เอดิสันมีนิสัยสนใจในสิ่งรอบตัว ไม่ใช่เนื้อหาในตำราคร่ำครึ สิ่งที่เขาสนใจถามครูจึงไม่ใช่เรื่องที่ครูสอน แต่เป็นเรื่องนอกตำรา นายและนางเอ็งเกิล จึงมักเรียกเขาว่าเป็นเด็กที่หัวขี้เลื่อย เมื่อมารดาทราบเรื่อง จึงไปพูดคุยกับคุณครูที่โรงเรียน หลังการพูดคุย เอดิสันต้องออกจากโรงเรียน โดยมารดาของเขาจะเป็นผู้สอนเอดิสันด้วยตนเอง หลังจากเข้าโรงเรียนได้ 3 เดือนเท่านั้น เอดิสันชื่นชอบหนังสือนอกเวลาเล่มหนึ่งซึ่งมีภาพและเนื้อหาการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ผู้อ่านทดลองเองได้ เขามีความสนใจที่จะทำการทดลองในหนังสือ ใน ค.ศ. 1857 พ่อและแม่ของเขาจึงสร้างห้องใต้ดินเพื่อให้เอดิสันได้ทำการทดลองต่าง ๆ ในหนังสือ และเขาก็ได้ทำการทดลองมากมายในห้องใต้ดินนั้น

เอดิสันมีปัญหาด้านการได้ยินเป็นผลมาจากไข้ดำแดงที่เขาเป็นในช่วงวัยเด็กและไม่ได้รับการรักษา ทำให้หูชั้นในของเขาติดเชื้อทำให้เขามีลักษณะเกือบจะเป็นหูหนวก ต่อมาในขณะที่ได้ทำการทดลองในรถไฟและทำให้เกิดเพลิงไหม้ในรถไฟ เขาถูกพนักงานรถไฟตบเข้าที่หูทำให้หูเขาใช้การไม่ได้ และถูกโยนออกมาจากรถไฟพร้อมกับเครื่องมือและสารเคมีต่าง ๆ ของเขา ซึ่งเขาเองได้บอกกับผู้อื่นว่าหูของเขามีปัญหา เนื่องจากเขาได้ร่วมงานกับพนักงานรถไฟในการขับเคลื่อนตัวรถ แต่พนักงานรถไฟดึงหูของเขาทำให้เขาประสบอุบัติเหตุ

ครอบครัวของเอดิสันได้ย้ายมายังเมืองพอร์ตฮิวรอนในรัฐมิชิแกนหลังจากที่ทางรถไฟสายใหม่ได้ตัดทางลัดและไม่ผ่านเมืองไมเลินที่เขาอาศัยอยู่ ทำให้ธุรกิจของที่บ้านเริ่มซบเซาลงเขาได้เริ่มขายลูกอม หนังสือพิมพ์ และผักบนรถไฟจากพอร์ตฮิวรอนที่วิ่งมายังเมืองดีทรอยต์ เขาได้ทำการศึกษาการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ และการทดสอบทางเคมีหลายอย่างในระหว่างที่ทำงานอยู่ในรถไฟ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุและถูกไล่ลงจากรถไฟ

เมื่อเขาสิทธิในการขายหนังสือพิมพ์บนถนน เขาได้พิมพ์หนังสือพิมพ์ในชื่อ แกรนด์ทรังก์เฮรัลด์ (Grand Trunk Herald) ด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานอีก 4 คน ซึ่งเขาได้ขายหนังสือพิมพ์ของเขาพร้อมกับหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น[6] ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเจ้าของธุรกิจของเขาที่เขาได้เริ่มต้นการเป็นนักธุรกิจ ที่สุดท้ายทำให้เขามีบริษัท 14 แห่ง รวมไปถึง เจเนอรัลอิเล็กทริก บริษัทมหาชนด้านไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก

ประวัติด้านอื่น
แก้ไข
ค.ศ. 1863 เอดิสันเข้าเป็นพนักงานส่งโทรเลข เขาเปลี่ยนบริษัทบ่อยมาก ในปีเดียว เขาเปลี่ยนบริษัททำงานถึง 4 ครั้ง ตามสถานที่ต่าง ๆ ในอเมริกาและแคนาดา

ค.ศ. 1864 เขาประดิษฐ์เครื่องบันทึกการนับคะแนน และยื่นขอจดสิทธิบัตร แต่เครื่องนั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน

ค.ศ. 1869 เขาเดินทางไปยังนิวยอร์ก และเปิดบริษัทวิศวกรไฟฟ้าขึ้น บริษัทนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง

ค.ศ. 1871 สร้างอาคารซึ่งเปิดเป็นโรงงานและศูนย์วิจัยในตัวขึ้นและในปีนั้น เขาพบรักและแต่งงานกับ แมรี สติลเวลล์ (Mary Stilwell) ผู้มีอายุน้อยกว่าเอดิสันถึง 8 ปี และ ในปีนั้น แนนซีผู้เป็นมารดาของเอดิสัน เสียชีวิตลงในวัย 61 ปี

ค.ศ. 1876 สร้างอาคารโรงงานและศูนย์วิจัยใหม่ที่เมนโลพาร์ก (Menlo Park) รัฐนิวเจอร์ซีย์ และเริ่มลงมือประดิษฐ์โทรศัพท์ แต่ (อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์)(North Alexander Graham Bell) คิดค้นขึ้นได้ก่อน

ค.ศ. 1877 เอดิสันประดิษฐ์เค

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2.เก๋ไก๋ ณัชธิชา

10.ริชาร์ด ไฟน์แมน

8.ยัวร์บอยทีเจ